tag:blogger.com,1999:blog-19910573917693377042024-03-05T02:55:22.591-08:00ปัญหาสังคมไทยtonphaihttp://www.blogger.com/profile/02486179544274782202noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-1991057391769337704.post-67682461592068147042010-12-20T05:06:00.000-08:002010-12-20T08:44:38.593-08:00Tokyo Sonata : วันที่หัวใจซ่อนเจ็บ<div><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: center"><span style="font-family:times new roman;"><span style="font-size:180%;"><span style="color:#330033;"><strong>Tokyo Sonata </strong></span></span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: center"><span style="color:#993399;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="font-size:130%;"><strong>วันที่หัวใจซ่อนเจ็บ</strong></span> </span></span></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><strong><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff6666;">แนวหนัง</span> : ดราม่า</span></span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfdzfN0BWLTNxHhu3DaFAxe49k5jmVFXSVT25jQjbOHD7YrWCf7Zyxdk-uKeQGE_CkQJ-uU-yhm6wbHbYXwDuPqY_8yAIM4nbcv9uW8gmT8euArT_uQbkeW2TSa5B64SnX87qvoZmEVrZO/s1600/spd_20090830162805_b.jpg"><span style="font-family:times new roman;color:#cc66cc;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552758642260813890" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 346px; CURSOR: hand; HEIGHT: 357px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhfdzfN0BWLTNxHhu3DaFAxe49k5jmVFXSVT25jQjbOHD7YrWCf7Zyxdk-uKeQGE_CkQJ-uU-yhm6wbHbYXwDuPqY_8yAIM4nbcv9uW8gmT8euArT_uQbkeW2TSa5B64SnX87qvoZmEVrZO/s320/spd_20090830162805_b.jpg" border="0" /></span></a></strong><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;"> </span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#cc66cc;"><span style="color:#ff6666;">กำกับโดย</span> : คิโยชิ คุโรซาวะ</span></strong> </span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#cc66cc;"><span style="color:#ff6666;">นักแสดง</span> : เทริยูกิ คางาวะ,เคียวโกะ โคะอิซึมิ, ยู โคะยานา</span></strong><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;"><span style="font-size:130%;"><strong>เนื้อเรื่องย่อ</strong> </span></span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">ในเมืองโตเกียว ริวเฮย์ (เทรุยุกิ คางาวะ) เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นทั่วๆ ไป แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับถูกปลดออกจากงานอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับภรรยาของเขา เมงุมิ (เคียวโกะ โคอิซุมิ) และลูกชายทั้งสอง ทาคาชิ (ยู โคยานางิ) และ เคนจิ (อิโนวากิ ไค) ริวเฮย์ ยังคงแสร้งทำเป็นออกจากบ้านไปทำงานทุกวันเช่นเคย<br />ริวเฮย์ รู้สึกกดดันอย่างหนัก เมื่องานที่หาได้ตอนนี้มีแต่งานรายได้ต่ำกว่าที่เขาเคยทำมามาก แต่ในที่สุด เขาก็จำต้องรับงานเป็นภารโรงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เขาต้องทำความสะอาดพื้นและล้างห้องน้ำ แม้จะเป็นงานที่ทำให้เขาอับอาย แต่ ริวเฮย์ ก็จำเป็นต้องก้มหน้ารับชะตากรรม<br />เคนจิ ลูกชายคนเล็กก็มีความลับของตัวเองเช่นกัน เนื่องจากพ่อไม่อนุญาตให้เขาเรียนเปียโน เขาจึงแอบไปเรียนเอง โดยนำเงินค่าอาหารกลางวันของตัวเองไปจ่ายเป็นค่าเรียน ขณะที่พี่ชายวัยรุ่นของเขา ทาคาชิ ก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่ ด้วยการเข้ารับราชการเป็นทหาร<br />เมงุมิ ผู้เป็นแม่บ้าน เฝ้ามองครอบครัวของเธอและเห็นความลับต่างๆ ค่อยๆ เผยตัวออกมา ในหัวใจของเธอเองก็เต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง ครอบครัว ซาซากิ จะประคับประคองกันและกันไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่</span><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;"><strong><span style="font-size:130%;">1. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากภาพยนตร์</span> </strong></span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">จากภาพยนตร์เรื่องนี้พล็อตของหนังก็ง่ายมากๆ ซึ่งพูดถึงครอบครัวคนชั้นกลางของญี่ปุ่นครอบครัวหนึ่งในปัจจุบัน โดยมีสาเหตุจาก พ่อ ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวโดนไล่ออกจากงาน จึงทำให้เป็นสาเหตุของเหตุการณ์ต่างๆ และเกิดปัญหาครอบครัวขึ้น โดยสมาชิกในครอบครัวนั้นต่างคนต่างความคิด ต่างความต้องการและปราศจากการพูดคุยและปรึกษาหารือกันภายในครอบครัว จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาทีหลัง<br />ซึ่งจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เรียนรู้จากสิ่งต่างๆ เยอะเลย เพราะปัจจุบันครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวคนเมืองนั้นมีมากขึ้น ตามวิถีชีวิตคนเมืองนั้นเอง ที่พ่อนั้นทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวในการหาเงินเพื่อจุนเจือครอบครัว และวางอนาคตให้กับลูกๆ โดยมีแม่ ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านแม่เรือน หากับข้าว ทำอาหาร ดูแลสมาชิกของครอบครัวทุกคน แต่เมื่อพ่อซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว ตกงาน จึงเกิดปัญหาทางด้านการเงินขึ้น ซึ่งความเครียดก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา แต่เมื่อบวกกับความที่ต้องปิดปังครอบครัวเรื่องตกงาน ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก อีกทั้งความต้องการของลูกคนโตที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอยากเข้ารับราชการทหารของกองทัพสหรัฐ ซึ่งคัดแย้งกับความต้องการของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกอยู่ที่ญี่ปุ่น ไม่อยากให้ไปไหน ไกลๆ ด้วยความเป็นห่วงของพ่อแม่นั้นเอง ส่วนลูกคนเล็กที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางด้านดนตรี ที่มีความต้องการอยากเรียนทางด้านดนตรีนั้นคือ เปียโน นั้น คัดแย้งกับความต้องการของพ่ออีกที่มีปัญหาด้านการเงินและดูว่าการเล่นดนตรีเป็นเรื่องไร้สาระ อีกทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีแม่เป็นตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษาของลูกๆ ดูครอบครัวของเธอเองด้วยความท้อแท้ใจ และปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ กับครอบครัวนี้คือ การไม่พูดคุยและปรึกษาหารือกันในครอบครัวนั้นเอง เพราะถ้าสมาชิกทุกคนต่างคนต่างความคิด และมีความลับปกปิดกันภายในครอบครัวอีก ก็ยิ่งเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นอีกมาก </span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">*** ซึ่งสรุปแล้วนั้นได้รับรู้ถึงสภาพครอบครัว สังคม เศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นอีกทั้งแนวความคิดของสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งยังได้รับรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหาของครอบครัวของคนญี่ปุ่นเนื่องจากหัวหน้าครอบครัวโดนไล่ออกจากงาน และเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นทั้งในครอบครัวและสังคมของญี่ปุ่นในช่วงนั้นด้วย<br /><strong><span style="color:#ff0000;"><span style="font-size:130%;">2. ทฤษฎีสังคม</span> </span></strong></span></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left" align="left"><span style="color:#cc66cc;"><strong><span style="color:#ff0000;"></span><span style="font-family:times new roman;color:#ff6666;">ทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่ (Structural-Functional theory) </span></strong></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left" align="left"><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="color:#993399;">แนวความคิดในการพัฒนา<br /></span></strong>ทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่เป็นผลมาจากการนำเอาแนวความคิดทางด้านชีววิทยามาใช้ โดยอุปมาว่า โครงสร้างของสังคมเป็นเสมือนร่างกายที่ประกอบไปด้วยเซลล์ต่าง ๆ และมองว่า หน้าที่ของสังคมก็คือ การทำหน้าที่ขออวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยแต่ละส่วนจะช่วยเหลือและเกื้อกูลซึ่งกันและกันเพื่อให้ระบบทั้งระบบมีชีวิตดำรงอยู่ได้<br /><strong>โรเบิร์ต เค. เมอร์ตัน (Robert K. Merton)</strong> ได้จำแนกหน้าที่ทางสังคมเป็น 2 ประเภท คือ หน้าที่หลัก (Manifest) หน้าที่รอง (Latent) หน้าที่ที่ไม่พึงปรารถนา (Dysfunctional) หน้าที่ของบางโครงสร้างของสังคมอาจมีประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันคนบางส่วนอาจได้รับประโยชน์เพียงน้อยนิดหรืออาจไม่ได้รับประโยชน์เลย ซึ่งรวมไปถึงอาจจะมีคนบางกลุ่มหรือบางส่วนของสังคมได้รับผลเสียจากทำงานของโครงสร้างของสังคมนั้นก็ได้<br /><strong>อีมีล เดอร์ไคม์ (Emile Durkheim)</strong> มีแนวความคิดว่า หน้าที่ของสังคมคือ ส่วนที่สนับสนุนให้สังคมสามารถดำรงอยู่ได้ ซึ่งสอดคล้องกับ<strong> เอ.อาร์ แรดคลิฟฟ์ บราวน์ (A.R. Radcliffe-Brown) กับ โบรนิสลอว์ มาลิโนว์สกี้ (Bronislaw Malinowski)</strong> ที่มองว่า หน้าที่ทางสังคม เป็นส่วนสนับสนุนให้โครงสร้างสังคมคงอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะสังคมมีกระบวนการทางสังคมที่ทำให้สังคมเกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่น บรรทัดฐาน ค่านิยม ความเชื่อ วัฒนธรรม และประเพณี เป็นต้น<br /><strong>ทาลคอทท์ พาร์สัน (Talcott Parsons)</strong> มีแนวความคิดว่า สังคมเป็นระบบหนึ่งที่มีส่วนต่าง ๆ (Part) มีความสัมพันธ์และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ที่คงที่ของแต่ละส่วนจะเป็นปัจจัยทำให้ระบบสังคมเกิดความสมดุลย์ (Equiligrium) ส่วนในด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคม พาร์สันเสนอว่า เกิดจากความสมดุลย์ถูกทำลายลง เพราะองค์ประกอบของสังคมคือบุคลิกภาพ (Personality) อินทรีย์ (Organism) และวัฒนธรรม (Culture) เกิดความแตกร้าว โดยมีสาเหตุมาจากทั้งสาเหตุภายนอกระบบสังคม เช่น การเกิดสงคราม การแพร่กระจายของวัฒนธรรม เป็นต้น และสาเหตุจากภายในระบบสังคม ที่เกิดจากความตึงเครียด (Strain) เพราะความสัมพันธ์ของโครงสร้างบางหน่วย (Unit) หรือหลาย ๆ หน่วย ทำงานไม่ประสานกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงทางประชากร การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลงจะเป็นสาเหตุทำให้ส่วนอื่น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจเกิดขึ้นเฉพาะส่วนใดหนึ่งหนึ่งหรืออาจเกิดขึ้นทั้งระบบก็ได้ พาร์สันเน้นความสำคัญของ วัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงความเชื่อ บรรทัดฐาน และค่านิยมของสังคม คือ ตัวยึดเหนี่ยวให้สังคม<br /><strong>โดยสรุปแล้ว</strong> แนวความคิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของกลุ่มทฤษฎีโครงสร้าง-หน้าที่ มีลักษณะดังนี้<br /></span></span><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-family:times new roman;"><strong>- ในการศึกษาและวิเคราะห์สังคมต้องมองว่า สังคมทั้งหมดเป็นระบบหนึ่งที่แต่ละส่วนจะมี<br />ความสัมพันธ์ระหว่างกัน<br />-</strong> ความสัมพันธ์คือสิ่งที่สนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเป็นเหตุเป็นผล<br />- ระบบสังคมเป็นการเคลื่อนไหวเข้าสู่ความสมดุลย์ การปรับความสมดุลย์ของระบบจะทำ<br />ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน ระบบตามไปด้วยความต่อเนื่องของกระบวนการของข่าวสารจากภายในและภายนอก นอกจากนี้ทฤษฎีระบบยังมองว่าความขัดแย้ง ความตึงเครียดและความไม่สงบสุขภายในสังคมก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม แต่อย่างไรก็ตามทฤษฎีระบบก็มีข้อจำกัดในการศึกษาเปลี่ยนแปลงทางสังคม เนื่องจากในการวิเคราะห์ตามทฤษฎีระบบเป็นการศึกษาเฉพาะเรื่อง จึงทำให้ไม่สามารถศึกษาความสัมพันธ์กับระบบอื่นได้อย่างลึกซึ้ง</span></span><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;"><br /></span><span style="color:#ff0000;"><strong>3. หากเป็นพ่อ</strong></span></span></span> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKpfupCMNNMbNRf_NasKOB2Yo5-bn1y2rhl_Npni16r3BMTs_f5eU04VrNe8kfQmSkfyheC6vsfwbJ9wLrgwoic9CDbb5-sTRIAdW_3c91W9vEIvfY9LkqPqfcapadsjXcALeRQjz5FiYO/s1600/Tokyo_Sonata_3_film.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552798926178684322" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 195px; CURSOR: hand; HEIGHT: 115px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKpfupCMNNMbNRf_NasKOB2Yo5-bn1y2rhl_Npni16r3BMTs_f5eU04VrNe8kfQmSkfyheC6vsfwbJ9wLrgwoic9CDbb5-sTRIAdW_3c91W9vEIvfY9LkqPqfcapadsjXcALeRQjz5FiYO/s200/Tokyo_Sonata_3_film.jpg" border="0" /></a></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#cc66cc;">หากผมเองเป็นพ่อ ผมก็จะดูแลสาระทุกข์สุขดิบของครอบครัวให้เป็นอย่างดีเท่าที่กำลังของหัวหน้าครอบครัวจะทำได้ และถ้าเกิดปัญหาต่างๆ ผมจะนำเรื่องมาปรึกษาคู่ชีวิตของผมเองซึ่งเป็นแม่ของลูกๆ ในการคิดที่จะแก้ไขปัญหาและหาทางออก เพราะเชื่อว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวแน่นอน อีกทั้งตัวของแม่เองซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่บ้านจะรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสมาชิกของครอบครัวตลอดนั้นเอง</span></div><br /><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#ff0000;"><strong>4. หากเป็นแม่<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_rU7XGWP_h5QdxQxMwcbEPUCBj1W-IQ8REnz6z5ZdqmGw6tHIb1Q8RUP66irLbjxUnGy4j7BvOyfJW3XoCaJNixsUgYUobi-df95hsyquwsSC2XphZrV-dlcRtrPzjZn1UUb0GqQCK2kr/s1600/2008_tokyo_sonata_009.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552799832117603810" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 201px; CURSOR: hand; HEIGHT: 115px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_rU7XGWP_h5QdxQxMwcbEPUCBj1W-IQ8REnz6z5ZdqmGw6tHIb1Q8RUP66irLbjxUnGy4j7BvOyfJW3XoCaJNixsUgYUobi-df95hsyquwsSC2XphZrV-dlcRtrPzjZn1UUb0GqQCK2kr/s200/2008_tokyo_sonata_009.jpg" border="0" /></a></strong></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">หากตัวผมเองเป็นแม่ ในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามีต้องเผชิญอยู่นั้น การถามตรงๆและแสดงความห่วงใยและพร้อมที่จะเผชิญไปด้วยกัน เพื่อทำให้สามีเกิดความรู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียดนั้นเอง อีกทั้งการรับรู้ถึงสภาพของครอบครัวและสมาชิกในครอบครัว การดูแลลูกๆ นั้น เป็นหน้าที่ที่พึงกระทำ แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มมาคือการเอาใจใส่นั้นเอง</span><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#ff0000;"><strong>5. หากเป็นพี่คนโต</strong></span> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2l8vyUiry6K7ptF44SMpEnt323QM6GrB1yeOC_xOTAKrdcCx_YxXl7nCy0P1HifXExQE07-vP0CXo3VWuFc5SNFJ5cU3rP60taOrdShzpJVeWJpfUtGFsiGEQ5fvzPYla7XxU20c0WBmI/s1600/s_64_0037.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552799493657293922" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 197px; CURSOR: hand; HEIGHT: 118px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2l8vyUiry6K7ptF44SMpEnt323QM6GrB1yeOC_xOTAKrdcCx_YxXl7nCy0P1HifXExQE07-vP0CXo3VWuFc5SNFJ5cU3rP60taOrdShzpJVeWJpfUtGFsiGEQ5fvzPYla7XxU20c0WBmI/s200/s_64_0037.jpg" border="0" /></a></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#cc66cc;">หากตัวผมเองเป็นพี่คนโต การเป็นพี่โตที่เริ่มเข้าสู่วัยของการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวนั้น การทำตัวให้พ่อแม่ไว้ใจและปล่อยให้ตัวเราเองกล้าที่จะเผชิญกับโลกภายนอกนั้น ต้องใช้ความพยายามมาก เพราะความเป็นห่วงของพ่อแม่นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งต้องทำให้พ่อแม่เชื่อใจว่า เราสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว เพื่อคลายกังวลของพ่อแม่ด้วย</span></div><br /><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;"><strong>6. หากเป็นน้องคนเล็ก</strong></span> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicgfV4I0C8kdqr4xBVEFQmb4IDFbDL8XpQXFh8qfo5yF8lp-a_2iOB-lw7FjAr2W8SEr-yielyUbRHfXiqNL1XTD-YRSN50V9ahOeCmvy-jXdhJLJmRobzwTL1O_I0eMOn3ZlRyayQHVRR/s1600/tokyo_sonata_02.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552800316909079058" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 203px; CURSOR: hand; HEIGHT: 121px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEicgfV4I0C8kdqr4xBVEFQmb4IDFbDL8XpQXFh8qfo5yF8lp-a_2iOB-lw7FjAr2W8SEr-yielyUbRHfXiqNL1XTD-YRSN50V9ahOeCmvy-jXdhJLJmRobzwTL1O_I0eMOn3ZlRyayQHVRR/s200/tokyo_sonata_02.jpg" border="0" /></a></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">หากผมเป็นน้องคนเล็ก แม้จะเป็นเพียงสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัว ผมก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด การที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และมีความสามารถอะไร ก็ควรหาที่ปรึกษา ซึ่งแม่เป็นบุคคลที่ดูแลครอบครัวซึ่งจะช่วยในการให้ความช่วยเหลือและปรึกษากับพ่อนั้นเอง</span><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#ff0000;"><strong>7. หากเป็นตนเอง</strong></span> <a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFkdZJ9KgyuXd6tYNXwIyWq8iXwBpuWWAbvZO1OWx19JNft92lfuydMRdly0vcs-v6w2DrmvRJPY3wKgg7NWA4aYQUijx1hvpnUOuGdOTnD-lkmO_nZ8K2Bg8kcsrp4DiDHPjbUsX6Jw7u/s1600/img060426-142715.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552806222646468178" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 150px; CURSOR: hand; HEIGHT: 200px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFkdZJ9KgyuXd6tYNXwIyWq8iXwBpuWWAbvZO1OWx19JNft92lfuydMRdly0vcs-v6w2DrmvRJPY3wKgg7NWA4aYQUijx1hvpnUOuGdOTnD-lkmO_nZ8K2Bg8kcsrp4DiDHPjbUsX6Jw7u/s200/img060426-142715.jpg" border="0" /></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEghrmehyphenhyphenTtG66xn_swEHJ9hKvX1oGbJr9asUTZXpVNL0wtvTrSPacyVNtIh9cZJ5ItudLuF2sbCFafwMF8xWdIZsdP0RzXsfUV2jX5mlSLWJcqmQmZC-4qDkDxqCu88VhCh56h4OtR71KUy/s1600/DSC_4706%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2587.JPG"></a><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#cc66cc;">หากปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นกับตัวผมเองนั้น ผมก็จะย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผมเอง และการทำหน้าที่ที่พึงตนเองพึงกระทำ จึงเป็นผลดีที่สุดในการรักษาสภาพของครอบครัว ในการแก้ไขปัญหาการปรึกษากันภายในครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการอยู่ร่วมกัน เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งเกิดปิดปังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดผลเสียต่อครอบครัวก็ยิ่งทำให้เกิกปัญหาต่างๆ ขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน</span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">การเปิดใจ เปิดอกคุยกัน จึงเป็นผลที่ดีที่สุด ในการรับรู้และแก้ไขปัญหาต่างๆ ของครอบครัว</span><br /></span></div><br /><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#ff0000;"><strong>8. อื่นๆ (เกิดขึ้นในครอบครัวจะทำอย่างไร)</strong></span> </span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;">หากปัญหาต่างๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดตรงกับครอบครัวผมเองนั้น ด้วยที่ผมเองเป็นพี่คนโต ด้วยวัยและหน้าที่ทางสังคมและครอบครัวแล้ว การเรียนให้จบแล้วหางานทำ เพื่อให้พ่อแม่เกิดความไว้วางใจในการดูแลตนเองได้ เพราะช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวตัวเอง อาจจะช่วยเหลือด้านการเงินของค่าอาหารของน้องคนเล็กหรือไม่ก็ค่าน้ำค่าไฟของครอบครัวส่วนหนึ่ง ในการแก้ปัญหานั้นแก้ได้ไม่ยาก คือการเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และเป็นน้ำพักน้ำแรงของครอบครัวอีกทั้ง การเป็นคนดีของสังคม ซึ่งไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนก็เป็นผลดีที่สุดแล้ว........</span> </span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="font-family:times new roman;color:#ff0000;"><strong>9. ข้อคิด</strong></span><br /></div><br /><br /><br /><div style="TEXT-ALIGN: left"><span style="color:#cc66cc;"><span style="font-family:times new roman;">คนเราเกิดมาครอบครัวเดียวกันแล้ว ความรัก ความเข้าใจกันในสมาชิกของครอบครัวจึงเป็นพลังที่จะทำให้ครอบครัวเผชิญต่อปัญหาต่างๆ ได้อย่างเข้มแข็งและอดทน.........<br /></span></div><br /><br /><br /><br /><p><span style="font-family:times new roman;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5552783498948826290" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 300px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSAjUwJ5xZrTn_UGlIicMFuBERU1omW2nIDQm8lSvnS6Fgnu_DnfyWGC6aPwZoAnK4QD_cNO-jwUxBvtza3mse4Nfi37oYvFE-4sf6a3PuBttH_PnQB_9nt4jpoj8Wwbv_JT77RVrcQepa/s320/tokyo-sonata-02.jpg" border="0" /></span></span><span style="font-family:times new roman;"> </span></p><br /><br /><br /><br /><p><span style="font-family:times new roman;color:#003300;"><strong>ขอขอบคุณ</strong></span><br /></p><br /><br /><br /><p><span style="font-family:Times New Roman;color:#009900;">-เว็ปไซต์ SiamZone>Movie ในส่วนของเนื้อเรื่องย่อ</span><span style="font-family:Times New Roman;"><br /><span style="color:#009900;">-เว็ปไซต์ Google>Picture ในส่วนของรูปภาพ<br />-เว๊ปไซต์ </span><a href="http://www.fin.in.th/"><span style="color:#009900;">WWW.FIN.IN.TH</span></a><span style="color:#009900;"> ในส่วนของเนื้อหาทฤษฎีทางสังคม</span></span><br /></p><br /><br /><br /><p><span style="font-family:Times New Roman;color:#003300;"><strong>เข้าถึงได้จาก</strong></span><br /><br /></p><br /><br /><br /><p><span style="font-family:Times New Roman;">- <a href="http://www.siamzone.com/movie/m/5289/synopsis">http://www.siamzone.com/movie/m/5289/synopsis</a></span><br /></p><br /><br /><br /><p><span style="font-family:Times New Roman;">- <a href="http://www.google.co.th/images?hl=th&q=tokyo%20sonata&rlz=1R2RNSN_enTH390&um=1&ie=UTF-8&source=og&sa=N&tab=wi">http://www.google.co.th/images?hl=th&q=tokyo%20sonata&rlz=1R2RNSN_enTH390&um=1&ie=UTF-8&source=og&sa=N&tab=wi</a></span> </p><br /><br /><br /><p><span style="font-family:Times New Roman;">- <a href="http://fin.in.th/archives/194">http://fin.in.th/archives/194</a> </span></p></div>tonphaihttp://www.blogger.com/profile/02486179544274782202noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-1991057391769337704.post-13809261882925593832010-11-18T16:06:00.000-08:002010-11-18T16:36:22.344-08:00ปัญหาการค้ามนุษย์<span style="font-family:times new roman;"><strong><span style="font-size:180%;color:#cc33cc;"><span style="color:#330033;">ปัญหาการค้ามนุษย์</span><br /></span></strong><span style="color:#993399;">แม้จะได้มีการทำสงครามต่อต้านการค้ามนุษย์ขนานใหญ่ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศแล้วก็ตาม ประเทศไทยก็ยังคงเป็นประเทศปลายทางสำหรับเด็กเร่ร่อน เด็กจำนวนมากได้เข้าสู่การขายบริการทางเพศที่พัทยา </span><br /><span style="color:#993399;">[1]ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในอุตสาหกรรมทางเพศเด็ก นักวิจัยเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ประเมินว่า พัทยามีเด็กที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและเด็กยากจนข้นแค้นประมาณ1,500-2,000 คนต่อปีและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เด็กมาเสาะหางานทำด้วยตัวเอง หรือมากับพ่อแม่จากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย กัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม </span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /></span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgM7kw2jGtiyyjjpfmnAWqVnkpUpxXF8xdq7nMDG37AB0a_w8JI_FycrUtqtrySyZckGSOU8mRplNN7w7a8DNEQSqh55PLUr0yhx99AZdlevACxWSuzg-TYYn_3mDWyyLd0tTNUnUDNP7u/s1600/1.jpg"><span style="font-family:times new roman;color:#993399;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5541046037127119538" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 214px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgM7kw2jGtiyyjjpfmnAWqVnkpUpxXF8xdq7nMDG37AB0a_w8JI_FycrUtqtrySyZckGSOU8mRplNN7w7a8DNEQSqh55PLUr0yhx99AZdlevACxWSuzg-TYYn_3mDWyyLd0tTNUnUDNP7u/s320/1.jpg" border="0" /></span></a><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#993399;">เด็กเร่ร่อนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ประสบกับพวกที่ชอบมีสัมพันธ์ทางเพศกับเด็ก พวกเขาถูกล่วงละเมิดทั้งร่ายกายและจิตใจ เด็กที่โตกว่าก็เสี่ยงต่อการขายบริการทางเพศ เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ และถูกล่วงละเมิดทางร่างกายและจิตใจในหลาย ๆ รูปแบบ ซึ่งรวมถึงเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งสลัม17แห่งในพัทยา ตกเป็นเป้าของพวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ที่ตบตาครอบครัวเด็กที่ยากจนเหล่านี้ในคราบของนักบุญ เพื่อให้ครอบครัวหลงกลและเปิดทางให้เข้าถึงตัวเด็กได้โดยง่าย ดังนั้น CPDC จึงความพยายามที่จะแก้ปัญหาประชากรเสี่ยงเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน และเด็กขายบริการทางเพศในพัทยา เพื่อให้ความคุ้มครองเด็กเร่ร่อนเหล่านี้ ให้ได้รับการฟื้นฟู การศึกษา กลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว และหากไม่สามารถส่งเด็กกลับคืนสู่ครอบครัวได้ เด็กเหล่านั้นก็สามารถพักพิงอยู่ที่ศูนย์ได้ในระยะยาวเพื่อเรียนหนังสือและฝึกวิชาชีพต่อไป</span><br /><br /><span style="color:#993399;">[2] เพื่อการให้ความช่วยเหลือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น CPDC ได้วางโครงการก่อสร้างบ้านแรกรับและให้การฟื้นฟูช่วยเหลือเด็ก</span></span><a class="fancybox" title="CPDC5" href="http://www.hhnthailand.org/wp-content/gallery/pictures/cpdc5.jpg" rel="fancybox" jquery1290121240112="55"></a><span style="font-family:times new roman;color:#993399;">เร่ร่อนในปี2553 โดยจะมีการก่อสร้างศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือ Drop-in Centre ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ พัทยากลางเพื่อให้เด็กเร่ร่อนและขายบริการทางเพศ สามารถเข้ามาหลบพักได้</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUlcPT3TnLYQo4tCSua-LE8JAavQcrJy0clurykYmi4H8uhOjuNEhp3Rya3mhW6h11G2JIxuT_cG-SQQZb25MnipiHI-z39Kgk37yf8V7T09GWThONydcZDQ3mBCjh3zUcVZe4VzJ0pawX/s1600/cpdc5.jpg"><span style="font-family:times new roman;color:#993399;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5541046810478390722" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 183px; CURSOR: hand; HEIGHT: 210px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiUlcPT3TnLYQo4tCSua-LE8JAavQcrJy0clurykYmi4H8uhOjuNEhp3Rya3mhW6h11G2JIxuT_cG-SQQZb25MnipiHI-z39Kgk37yf8V7T09GWThONydcZDQ3mBCjh3zUcVZe4VzJ0pawX/s320/cpdc5.jpg" border="0" /></span></a><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#993399;">อย่างปลอดภัย โครงการสถานคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็ก มีเป้าหมายให้ความคุ้มครองเด็กเร่ร่อนที่ทุกข์ร้อน ให้ที่พักพิงที่ปลอดภัยได้ครั้งละ 60 คน โดยจะให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนช่วงวัยระหว่างหกถึงสิบแปดปี</span><br /><br /></span><p><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#cc66cc;"><strong>- นายศุภกร โนจา</strong> ตระหนักว่าไม่มีสถิติที่แน่นอนเกี่ยวกับเด็กเร่ร่อนในประเทศไทย แต่กล่าวว่าจำนวนเด็กเพิ่มขึ้นระหว่าง 20,000-25,000 คน<br /><strong>- องค์กรอื่นที่ให้บริการ</strong> ความช่วยเหลือต่อเด็กที่ยากจนข้นแค้นในพัทยา แต่ไม่ได้ดำเนินงานภาคสนาม องค์กรที่ว่านี้มี ศูนย์เมอรซี่ สถานที่พักพิงชั่วคราวพระมหาไถ่ และทามาร์</span></span></p><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33cc00;"><strong>ขอขอบคุณ</strong> : มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย </span></span></span></p><p><span style="font-size:85%;"><span style="font-family:times new roman;"><span style="color:#33cc00;"><strong>เข้าถึงได้จาก</strong> :</span> </span></span><a href="http://www.hhnthailand.org/th/projects/child-protection-and-development-center/the-problem/"><span style="font-family:times new roman;font-size:85%;">http://www.hhnthailand.org/th/projects/child-protection-and-development-center/the-problem/</span></a></p>tonphaihttp://www.blogger.com/profile/02486179544274782202noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1991057391769337704.post-64383871100469055772010-11-18T15:25:00.000-08:002010-11-18T16:05:20.862-08:00ปัญหาสังคมไทย<span style="font-family:times new roman;font-size:180%;"><strong>ปัญหาสังคม</strong></span><br /><br /><p><span style="font-family:times new roman;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5541041927845732530" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 213px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLaS_xv9ZENFuSNMLIPghL4lWYKtXS3I-oshWnhcjX7OoDfQv1cz6Vl3RoDhTpaHZMUEoNsRAmohsxGv1fZtGJC-duNQ3i3_y0ueM4hzkECVfwalVhyphenhyphenW0lcWOq2WyeizEdlJF41RVAnUAL/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A1.bmp" border="0" /></span></p><br /><p><span style="font-family:times new roman;"><strong>ความหมายปัญหาสังคม</strong><br />มีผู้รู้ให้ความหมายไว้มากมาย แต่ในที่นี้จะนำมากล่าวไว้เพียงห้าความหมายพอเป็นแนวทางในการศึกษาต่อไป ท่านแรกคือ Goid Garry and Frand R. Scarpitti กล่าวว่าปัญหาสังคม คือ สภาวะการณ์ที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ประชาชนมองเห็นว่าสภาวะการณ์นั้นเป็นสิ่งไม่ต้องการให้เกิดขึ้นและเห็นว่าสามารถจะแก้ไขได้ด้วยการกระทำร่วมกัน<br /><strong>Horton</strong> และ <strong>Lrslie</strong> ให้ความหมายไว้ว่าปัญหาสังคมเป็นสภาวะการณ์ที่มีผลต่อคนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาและมีความรู้สึกว่าจะต้องร่วมกันแก้ไข<br /><strong>Raab</strong> และ <strong>Selznick</strong> เสนอสรุปได้ว่า ปัญหาสังคมคือปัญหาในส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในสังคมในลักษณะที่ขัดต่อระเบียบของสังคม<br /><strong>Konig</strong> ให้ความหมายว่าปัญหาสังคมคือสถานการณ์ที่สังคมเห็นว่าเป็นการคุกคามวิถีทางที่ปฏิบัติอยู่หรือความสมบรูณ์ของงาน ด้วยเหตุนี้จึงควรจะกำจัดให้หมดสิ้นหรือให้เบาบางลง<br /><strong>ดร.ประสาท หลักศิลา</strong> อธิบายว่า ปัญหาสังคมเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะเข้าใจกันหรือเชื่อกันว่าสถานการณ์เช่นนั้นเป็นอันตรายต่อคุณธรรมของปัญหาและต้องการหาทางแก้ไขสถานการณ์นั้นให้ดีขึ้นด้วยการร่วมมือทางสังคม<br /></span></p><br /><p align="left"><span style="font-family:times new roman;"><img class="gl_video" alt="เพิ่มวิดีโอ" src="http://www.blogger.com/img/blank.gif" border="0" /><br /><strong>ลักษณะปัญหาสังคม</strong> จากความหมายข้างต้นนั้น พอสรุปลักษณะปัญหาสังคมได้ดังนี้<br />1. เป็นสภาวการณ์ที่มีผลกระทบกระเทือนต่อคนเป็นจำนวนมาก<br />2. เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่พิจารณาว่าเป็นสภาวะการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา<br />3. ปัญหาสังคม จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อค่านิยมหรือการตีความในแบบแผนพฤติกรรมแตก<br />4. ปัญหาสังคมย่อมผันแปร “ไปตามกาลเวลา”<br />5. ปัญหาสังคมย่อมมีผลมาจากนโยบายของรัฐหรือจากพฤติกรรมสังึมที่มิได้คาดคิดล่วงหน้าไว้ก่อน<br />6. บุคคลมีชนชั้นทางสังคมที่แตกต่างกัยย่อมมีความคิดเห็นการแก้ปัญหาสังคมที่แตกต่างกันทุกคนยอมรับการแก้ปัญหาสังคมที่เป็นประโยขน์แก่ตัวเองมากที่สุด<br /><br /><strong>สาเหตุของปัญหาสังคมทั่วๆ ไป</strong><br />จากการศึกษาสาเหตุของปัญหาสังคมของนักสังคมวิทยาหลายท่านปรกฏว่าผู้ศึกษาได้เสนอสาเหตุปัญหาสังคมไว้คล้าย ๆ กัน ซึ่งพอสรุปสาเหตุใหญ่ ๆ ได้ดังนี้<br />· การเปลี่ยนแปลงทางสังคม<br />· ความไม่เป็นระเบียบของสังคม<br />· พฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐานของสังคม<br />· การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change)<br />ความหมายการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามความเห็นของ <strong>Davis </strong>เขากล่าวว่า หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในการจัดระเบียบโครงสร้างหน้าที่ของสังคม<br />การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของสังคม คือ ในกลุ่มหรือองค์การทางสังคมแต่ละกลุ่ม องค์การทาทสังคมหรือโครงสร้างของสังคมเลยนั้น คือ เปลี่ยนแปลงจากความสัมพันธ์ระหว่งบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปจนถึงความสัมพันธ์ในกลุ่มทั้งสังคมเลยที่เดียว ดังนั้นลักษณะของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่สำคัญดังนี้<br />1. การเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง<br />2. การเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม<br />3. การเพิ่มประชากร<br />4. การอพยพ<br />5. การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี<br />6. การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ย่อมก่อให้เกิดปัญหา<br />7. การเปลี่ยนบรรทัดฐานของสังคม<br /><br /><strong>ความไม่เป็นระเบียบของสังคมกับปัญหาสังคม</strong></span></p><br /><p align="left"><span style="font-family:times new roman;">ความไม่เป็นระเบียบของสังคม หมายถึง ภาวะที่สังคมหรือสถาบันพื้นฐานทางสังคม ไม่สามารถจะควบคุมสมาชิกของสังคมให้ปฏิบัติตามระเบียบ ชึ่งก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่สำคัญมี 5 ประการด้วยกันคือ<br />1. ความล้มเหลวของกลุ่มจารีตประเพณีหรือสถาบันพื้นฐาน<br />2. ผลประโยชน์ของกลุ่มชนขัดกัน<br />3. หน้าที่ตามสถานภาพและบทบาทที่ขัดแย้งกัน<br />4. ความผิดพลาดในการอบรมให้เรียนรู้ระเบียบแผนของสังคม สถาบันหรือหน้าที่<br />5. ความขัดแย้งระหว่างกฏเกณฑ์กับความมุ่งหวัง กกเกณฑ์ต่าง ๆ ที่สังคมกำหนดไว้ ให้ประชาชนในสังคมปฏบัติตาม<br /><br /><strong>พฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากบรรทัดของสังคมกับปัญหาสังคม</strong><br /><br />พฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐานของสังคมเป็นพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับและไม่อาจทนได้ สังคมเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของสังคมและมีผลกระทบต่อสังคมโดยส่วนร่วม เช่น ผู้เสพติดให้โทษ<br />การที่คนเรามีพฤติกรรมเบี่ยงเบนนั้น เกิดจากปัจจัยหลายประการด้วยกันที่สำคัญมีดังนี้<br />1. ปัจจัยทางชีววิทยา(Biological Factor)<br />2. ปัจจัยทางจิต(Mental factor)<br />3. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม(Environmental Factor)<br />4. ปัจจัยค่านิยมทางสังคม(Social Value)<br />5. ปัจจัยโครงสร้างทางสังคม(social structure facdtor)<br />6. การศึกษาปัญหาสังคมในการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาสังคมนั้นมีวิชาการหลายแขนงที่กล่าวถึงและนักวิชาการในแขนงนั้น ๆ ได้ทำการศึกษารปัญหาสังคม ตามทัศนะของเขาดังเช่น<br />วิชาจิตวิทยา จะศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมในแง่จิตวิเคราะห์เป็นสำคัญ<br />วิชามานุษยวิทยา ศึกษาปัญหาสังคมโดยการวิเคราะห์ประเพณีและวัฒนธรรมของสังคม<br />วิชาชีวิทยา นักชีววิทยา เห็นว่าองค์ประกอบทางชีววิทยาเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาสังคม มี 2 ประการคือ พันธุกรรม กับสิ่งแวดล้อม<br />วิชาสังคมวิทยา เป็นวิชาที่ศึกษาปัญหาสังคมโดยมองความสัมพันธ์ของผู้คนในสังคม<br /><br /><strong>แนวทางในการศึกษาปัญหาสังคม</strong><br /><br />การศึกษาปัญหาสังคมนอกจากจะอาศัยวิทยาการหลาย ๆ สาขาแล้วเพื่อจะได้มองปัญหาสังคมหลายด้านว่ามีสาเหตุจากอะไร เพื่อจะได้นำเอาไปใช้วางแนวทางการแก้ปัญหาสังคมได้อย่างถูกต้องดังกล่างแล้ว หลักสำคัญประการหนึ่งคือ วิธีในการศึกษาปัญหานั้น จำเป็นต้องอาศัยการศึกษาค้นคว้าและการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ข้อมูลนั้นเชื่อถือได้ถูกต้องเที่ยงตรงที่สุด<br />วิธีการศึกษาค้นคว้าวิธีทางวิทยาศาสตร์นั้นแยกออกเป็นขั้นตอนดังนี้<br />· กำหนดปัญหาที่ต้องการพิสูจน์<br />· ตั้งข้อสมมติฐานความเป็นเหตุเป็นผลของปัญหา<br />· รวบรวมข้อมูล<br />· วิเคราะห์ข้อมูล<br />· สรุปและเสนอรายงาน<br /><br /><strong>การแก้ไขปัญหาสังคม</strong><br /><br />การแก้ไขปัญหาสังคม หมายถึงการจัดการกับปัญหาสังคมเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เช่น เกิดความยากจนเกิดปัญหาความยากจนขึ้นมาแล้ว จึงดำเนินการแก้ไข ฯลฯ จึงดำเนินการแก้ไขตัวอย่าง เช่น เมื่อเกิดปัญหาว่างงานก็จะแก้โดยการสร้างงานมากขึ้น เพื่อคนจะได้มีงานทำ</span></p><br /><p align="left"><span style="font-family:times new roman;"><span style="font-size:85%;"><strong>ขอขอบคุณ</strong> : ศูนย์บริการช่วยสืบค้นข้อมูลทางวิชาการ มหาวิทยาลัยรามคำแหง </span></span></p><br /><p align="left"><span style="font-family:Times New Roman;font-size:85%;"><strong>เข้าถึงได้จาก</strong> : <a href="http://isc.ru.ac.th/data/PS0003700.doc">http://isc.ru.ac.th/data/PS0003700.doc</a></span></p>tonphaihttp://www.blogger.com/profile/02486179544274782202noreply@blogger.com1