แม้จะได้มีการทำสงครามต่อต้านการค้ามนุษย์ขนานใหญ่ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศแล้วก็ตาม ประเทศไทยก็ยังคงเป็นประเทศปลายทางสำหรับเด็กเร่ร่อน เด็กจำนวนมากได้เข้าสู่การขายบริการทางเพศที่พัทยา
[1]ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในอุตสาหกรรมทางเพศเด็ก นักวิจัยเรื่องการต่อต้านการค้ามนุษย์ประเมินว่า พัทยามีเด็กที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและเด็กยากจนข้นแค้นประมาณ1,500-2,000 คนต่อปีและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เด็กมาเสาะหางานทำด้วยตัวเอง หรือมากับพ่อแม่จากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย กัมพูชา พม่า ลาว และเวียดนาม
เด็กเร่ร่อนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ประสบกับพวกที่ชอบมีสัมพันธ์ทางเพศกับเด็ก พวกเขาถูกล่วงละเมิดทั้งร่ายกายและจิตใจ เด็กที่โตกว่าก็เสี่ยงต่อการขายบริการทางเพศ เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ และถูกล่วงละเมิดทางร่างกายและจิตใจในหลาย ๆ รูปแบบ ซึ่งรวมถึงเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งสลัม17แห่งในพัทยา ตกเป็นเป้าของพวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ที่ตบตาครอบครัวเด็กที่ยากจนเหล่านี้ในคราบของนักบุญ เพื่อให้ครอบครัวหลงกลและเปิดทางให้เข้าถึงตัวเด็กได้โดยง่าย ดังนั้น CPDC จึงความพยายามที่จะแก้ปัญหาประชากรเสี่ยงเหล่านี้ โดยเฉพาะเด็กกำพร้า เด็กเร่ร่อน และเด็กขายบริการทางเพศในพัทยา เพื่อให้ความคุ้มครองเด็กเร่ร่อนเหล่านี้ ให้ได้รับการฟื้นฟู การศึกษา กลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว และหากไม่สามารถส่งเด็กกลับคืนสู่ครอบครัวได้ เด็กเหล่านั้นก็สามารถพักพิงอยู่ที่ศูนย์ได้ในระยะยาวเพื่อเรียนหนังสือและฝึกวิชาชีพต่อไป
[2] เพื่อการให้ความช่วยเหลือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น CPDC ได้วางโครงการก่อสร้างบ้านแรกรับและให้การฟื้นฟูช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนในปี2553 โดยจะมีการก่อสร้างศูนย์พักพิงชั่วคราว หรือ Drop-in Centre ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ พัทยากลางเพื่อให้เด็กเร่ร่อนและขายบริการทางเพศ สามารถเข้ามาหลบพักได้อย่างปลอดภัย โครงการสถานคุ้มครองสวัสดิภาพและพัฒนาเด็ก มีเป้าหมายให้ความคุ้มครองเด็กเร่ร่อนที่ทุกข์ร้อน ให้ที่พักพิงที่ปลอดภัยได้ครั้งละ 60 คน โดยจะให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนช่วงวัยระหว่างหกถึงสิบแปดปี
- นายศุภกร โนจา ตระหนักว่าไม่มีสถิติที่แน่นอนเกี่ยวกับเด็กเร่ร่อนในประเทศไทย แต่กล่าวว่าจำนวนเด็กเพิ่มขึ้นระหว่าง 20,000-25,000 คน
- องค์กรอื่นที่ให้บริการ ความช่วยเหลือต่อเด็กที่ยากจนข้นแค้นในพัทยา แต่ไม่ได้ดำเนินงานภาคสนาม องค์กรที่ว่านี้มี ศูนย์เมอรซี่ สถานที่พักพิงชั่วคราวพระมหาไถ่ และทามาร์
ขอขอบคุณ : มูลนิธิ เอช เอช เอ็น เพื่อเด็กไทย
เข้าถึงได้จาก : http://www.hhnthailand.org/th/projects/child-protection-and-development-center/the-problem/
เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อสิทธิมนุษยชน
ตอบลบ